อาวุธปืนแบบกึ่งอัตโนมัติ อัตโนมัติ และยิงต่อเนื่อง
อาวุธปืนขนาดเล็กจำนวนมากนั้นเป็นแบบที่ยิงทีละนัด กล่าวคือผู้ใช้ต้องตั้งนกสับและบรรจุกระสุนใหม่ทุกครั้งหลังทำการยิง ตัวอย่างเช่นปืนลูกซองแบบเก่า อาวุธปืนที่สามารถบรรจุกระสุนได้มากกว่าหนึ่งคือ ปืนเล็กยาวแบบคานเหวี่ยง (อังกฤษ: lever-action) ปืนลูกซองแบบปั๊ม (อังกฤษ: pump-action) และปืนเล็กยาวแบบลูกเลื่อนส่วนใหญ่เป็นตัวอย่างของอาวุธที่ทำการยิงต่อเนื่อง อาวุธปืนที่ตั้งนกสับและบรรจุกระสุนอัตโนมัติเมื่อเหนี่ยวถูกจัดว่าเป็นอาวุธปืนกึ่งอัตโนมัติ อาวุธปืนอัตโนมัติเป็นปืนที่ตั้งนกสับ บรรจุกระสุน และยิงโดยอัตโนมัติเมื่อนานเท่าที่เหนี่ยวไกปืน อาวุธปืนของกองทัพมากมายในปัจจุบันจะมีทางเลือกยิงที่หลากหลาย ซึ่งสวิตช์ของกลไกที่ทำให้อาวุธปืนยิงได้ทั้งแบบกึ่งอัตโนมัติและอัตโนมัติ เอ็ม16เอ2 เอ็ม16เอ4 และเอ็ม4 คาร์บินในปัจจุบันไม่ใช้แบบอัตโนมัติ มันถูกแทนที่ด้วยระบบอัตโนมัติที่ยิงทีละสามนัดแทน
อาวุธปืนที่ยิงรัวแบบแรกนั้นคือปืนแกทลิ่งที่เกิดขึ้นในศตวรรษที่ 19 ซึ่งจะยิงกระสุนจากแมกกาซีนเร็วเท่าที่ผู้ใช้หมุนข้อเหวี่ยง ในที่สุดกลไกยิงรัวก็สมบูรณ์และมีขนาดเล็กลงเพื่อมีขอบเขตที่ทั้งแรงสะท้อนและแรงดันของแก๊สจากการยิงสามารถนำมาใช้เพื่อให้มันทำงาน ดังนั้นผู้ใช้ต้องการเพียงแค่เหนี่ยวไก ปืนเล็กยาวอัตโนมัติอย่างปืนเล็กยาวอัตโนมัติบราวน์นิงมักถูกใช้ในกองทัพในต้นศตวรรษที่ 20 และปืนเล็กยาวอัตโนมัติที่ใช้กระสุนปืนพกนั้นถูกเรียกว่าปืนกลมือก็เกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกัน
เดิมทีนั้นปืนกลมือมีขนาดพอๆ กับปืนคาร์บิน เพราะว่าพวกมันยิงกระสุนของปืนพกพวกมันจึงมีระยะที่จำกัด แต่ในการต่อสู้ระยะใกล้นั้นมันก็สามารถใช้ระบบอัตโนมัติได้โดยผู้ที่เชี่ยวชาญเนื่องมาจากแรงถีบที่น้อยของกระสุนปืนพก พวกมันยังมีราคาที่ถูกอย่างมากและสร้างได้ง่ายในช่วงสงคราม ทำให้ประเทศนั้นๆ ติดอาวุธให้กับกองทัพของตัวเองได้อย่างรวดเร็ว ในครึ่งหลังของศตวรรษที่ 20 ปืนกลมือถูกลดขนาดลงโดยมีขนาดใหญ่กว่าปืนพกขนาดใหญ่เท่านั้น ปืนกลมือที่ถูกใช้อย่างแพร่หลายในปลายศตวรรษที่ 20 คือเฮคเลอร์แอนด์คอช เอ็มพี5 เอ็มพี5 นั้นจริงๆ แล้วถูกจัดว่าเป็น"ปืนพกกล"โดยเฮคเลอร์แอนด์คอช ถึงแม้ว่าจะใช้คำดังกล่าวกับปืนกลมือขนาดเล็กกว่าอย่างเอ็มเอซี-10 ซึ่งมีขนาดพอๆ กับปืนพก
นาซีเยอรมนีได้ดึงดูดความสนใจของโลกด้วยสิ่งที่ได้กลายมาเป็นชนิดของอาวุธปืนที่ถูกใช้อย่างกว้างขวางโดยกองทัพ นั่นก็คือปืนเล็กยาวจู่โจม (ดูที่เอสทีจี 44) ปืนเล็กยาวจู่โจมมักมีขนาดเล็กกว่าปืนเล็กยาวประจัญบานอย่างคาราไบเนอร์ 98เค แต่ความแตกต่างหลักของปืนเล็กยาวจู่โจมคือความสามารถในการยิงที่หลากหลายและการใช้กระสุนปืนเล็กยาวที่มีพลังน้อยกว่า สิ่งนี้ลดแรงถีบทำให้มันสามารถควบคุมได้ในระยะสั้นเหมือนกับปืนกลมือ ในขณะที่ยังคงมีความแม่นยำเช่นเดียวกับปืนเล็กยาวในระยะกลาง โดยปกติแล้วปืนเล็กยาวจู่โจมมีกลไกที่ทำให้ผู้ใช้เลือกการยิงแบบทีละนัด ทีละสามนัด และอัตโนมัติเต็มรูปแบบ ในทางสากลปืนเล็กยาวสำหรับพลเมืองถูกจำกัดให้มีแค่ระบบกึ่งอัตโนมัติเท่านั้น
วิศวกรโซเวียตมิคาอิล คาลาชนิคอฟได้นำความคิดของเยอรมันมาใช้อย่างรวดเร็ว โดยการใช้กระสุนขนาด 7.62x39 มม.ที่ทรงพลังน้อยกว่าซึ่งดัดแปลงมาจากกระสุนขนาด 7.62x54 มม. อาร์ ของรัสเซีย เพื่อสร้างเอเค-47 ซึ่งได้กลายมาเป็นปืนเล็กยาวจู่โจมที่ใช้อย่างกว้างขวางที่สุดของโลก ในสหรัฐฯ การออกแบบปืนเล็กยาวจู่โจมในเวลาต่อมากำลังเกิดขึ้น สิ่งที่จะมาแทนที่เอ็ม1 การแรนด์ของสงครามโลกครั้งที่สองคืออีกการออกแบบหนึ่งจากจอห์น กาแรนด์ด้วยกระสุนขนาด 7.62x51 ม.ม.แบบนาโต้ หรือปืนเล็กยาว เอ็ม14 ซึ่งใช้โดยกองทัพสหรัฐฯ จนถึงทศวรรษที่ 1960 แรงถีบของเอ็ม14 เมื่อทำการยิงอัตโนมัตินั้นเป็นปัญหาเพราะลดความแม่นยำของมัน และในทศวรรษที่ 1960 มันถูกแทนที่ด้วยเออาร์-15 ของยูจีน สโตนเนอร์ซึ่งเปลี่ยนจากการใช้กระสุน .30 คาลิเบอร์ที่ทรงพลังที่ใช้โดยกองทัพสหรัฐฯ จนถึงสงครามเวียดนาม มาเป็นกระสุน .223 คาลิเบอร์ที่ขนาดเล็กกว่าแต่มีแรงถีบน้อยกว่า ต่อมากองทัพได้เรียกเออาร์-15 ว่าเอ็ม16 เอ็ม16 ของพลเมืองยังคงถูกเรียกว่าเออาร์-15 และดูเหมือนกับของทหารมาก
แบบที่มันสมัยถูกทำให้มีขนาดกะทัดรัดที่ยังทรงพลังเหมือนเดิม แบบบุลพัพ โดยการติดตั้งแมกกาซีนหลังไกปืน เป็นการรวมความแม่นยำและอำนาจการยิงของปืนเล็กยาวจู่โจมแบบเก่าเข้ากับขนาดที่กะทัดรัดของปืนกลมือ (ถึงแม้ว่ายังใช้ปืนกลมือกันอยู่) ตัวอย่างเช่น ฟามาสหรือเอสเอ80 ของอังกฤษ
ล่าสุดกระสุนขนาดเล็กกว่าแต่ให้การทะลุทะลวงที่มากกว่าได้ปรากฏตัวขึ้น เพื่อทำให้อาวุธป้องกันบุคคลสามารถเจาะทะลุเกราะได้ การออกแบบดังกล่าวเป็นรากฐานของเอฟเอ็น พี90 และเฮคเลอร์แอนด์คอช เอ็มพี7 กระสุนไร้หีบห่อเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง (ตัวอย่างเช่น เฮคเลอร์แอนด์คอช จี11 ของเยอรมนี) เฟลเชท (flechette) ยังเป็ยอีการพัฒนาหนึ่งที่ทำให้มีความสามารถในการทะลุละลวงและวิถีกระสุนที่แบนมาก อย่างไรก็ตามมันก็แรงเกินไป
ฟามาสของฝรั่งเศส มันเป็นตัวอย่างหนึ่งของปืนเล็กยาวแบบบุลพัพ |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น